| เนื้อหา | กรมอุตุฯชี้ภาคใต้ฝนตกหนักมาก ด้าน ปภ.เผยน้ำท่วมภาคใต้5 จังหวัด กระทบประชาชนนับแสน ส่วนที่ จ.นราธิวาส พบแล้ว 2 ใน 4 ผู้สูญหาย ขณะที่ จ.ยะลา น้ำยังท่วมสูง จ.สตูล ปักธงแดง เตือนภัย
เมื่อวันที่ 26 ธันวาคม กรมอุตุนิยมวิทยา ออกประกาศเรื่อง อากาศหนาวเย็นบริเวณประเทศไทย ฝนตกหนักถึงหนักมากในภาคใต้ และคลื่นลมแรงบริเวณอ่าวไทย ฉบับที่ 16 (322/2566) ดังนี้ มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือกำลังแรงยังคงพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้ ประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมากบางพื้นที่บริเวณ จ.พัทลุง สงขลา ปัตตานี ยะลา นราธิวาส ตรังและ สตูล ขอให้ประชาชนในบริเวณดังกล่าวระวังอันตรายจากฝนตกหนักถึงหนักมากและฝนที่ตกสะสม ซึ่งอาจทำให้เกิดน้ำท่วมฉับพลันและน้ำป่าไหลหลาก โดยเฉพาะพื้นที่ลาดเชิงเขาใกล้ทางน้ำไหลผ่านและพื้นที่ลุ่ม
ส่วนคลื่นลมบริเวณอ่าวไทยมีกำลังแรง โดยมีคลื่นสูง 2-4 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 4 เมตร ทะเลอันดามันมีคลื่นสูงประมาณ 2 เมตร ห่างฝั่งคลื่นสูง 2-3 เมตร บริเวณที่มีฝนฟ้าคะนองคลื่นสูงกว่า 3 เมตร ขอให้ประชาชนบริเวณภาคใต้ฝั่งตะวันออกระวังอันตรายจากคลื่นที่ซัดเข้าหาฝั่ง ส่วนชาวเรือบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรเดินเรือด้วยความระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการเดินเรือในบริเวณที่มีฝนฟ้าคะนอง สำหรับเรือเล็กบริเวณอ่าวไทยและทะเลอันดามันควรงดออกจากฝั่งช่วงวันที่ 26-27 ธันวาคมนี้
สำหรับบริเวณความกดอากาศสูง หรือมวลอากาศเย็นกำลังแรงที่ปกคลุมประเทศไทยและทะเลจีนใต้เริ่มมีกำลังอ่อนลงเป็นกำลังค่อนข้างแรง ทำให้ประเทศไทยยังคงมีอากาศเย็นถึงหนาวกับมีลมแรง บริเวณยอดดอยของภาคเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 6-12 องศาเซลเซียส ส่วนยอดภูของภาคตะวันออกเฉียงเหนือมีอากาศหนาวถึงหนาวจัด อุณหภูมิต่ำสุด 7-12 องศาฯ ขอให้ประชาชนบริเวณดังกล่าวดูแลรักษาสุขภาพเนื่องจากสภาพอากาศที่หนาวเย็น รวมถึงให้ระวังอันตรายจากอัคคีภัยที่อาจจะเกิดขึ้นเนื่องจากสภาพอากาศแห้งและลมแรง
ด้านกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) ในฐานะกองอำนวยการป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยกลาง (กอปภ.ก.) รายงานจากสถานการณ์มรสุมตะวันออกเฉียงเหนือพัดปกคลุมอ่าวไทยและภาคใต้มีกำลังแรงประกอบกับหย่อมความกดอากาศต่ำกำลังแรงปกคลุมบริเวณเกาะสุมาตราและทะเลอันดามันตอนล่าง ทำให้ภาคใต้ตอนล่างมีฝนตกหนักถึงหนักมาก ระหว่างวันที่ 2226 ธันวาคม 2566 เกิดสถานการณ์น้ำท่วม รวม 5 จังหวัด 24 อำเภอ 92 ตำบล 384 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับผลกระทบ 19,624 ครัวเรือน
ขณะที่ นายวสันต์ ไชยทวีวงศ์ หัวหน้าสำนักงานป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจังหวัดนราธิวาส กล่าวถึงสถานการณ์อุทกภัย ภายหลังเกิดฝนตกหนักช่วงวันที่ 22-25 ธันวาคมที่ผ่านมา ว่ามีพื้นที่ได้รับผลกระทบทั้ง 13 อำเภอ 68 ตำบล 410 หมู่บ้าน ประชาชนได้รับความเดือดร้อน 28,049 ครัวเรือน 109,545 คน โรงเรียน 254 แห่ง วัด 18 แห่ง มัสยิด 13 แห่ง ถนน 2 สาย สะพาน 1 แห่ง ส่วนความช่วยเหลือ เบื้องต้นทาง ว่าที่ร.ต.ตระกูล โทธรรม ผวจ.นราธิวาส ได้มอบหมายให้หน่วยงานต่างๆ ระดมสรรพกำลัง เข้าช่วยเหลือประชาชนที่ประสบภัยอย่างต่อเนื่อง และยังคงเฝ้าระวังติดตามสถานการณ์ตลอด 24 ชั่วโมง
ผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วมเป็นวงกว้างในพื้นที่ จ.นราธิวาส ว่าทางหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง และกู้ภัยยังคงใช้เรือยนต์ ออกตระเวนช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ห่างไกล อาทิ บ้านบาโงตา หมู่ 1 ต.บาโงสะโต อ.ระแงะ ที่มีประชาชนติดค้างอยู่ในบ้าน โดยส่วนใหญ่มีเพียงเสื้อผ้าชุดเดียว ส่วนสัมภาระและทรัพย์สินต่างๆ จมไปกับน้ำ บางรายได้อพยพครอบครัวหนีน้ำที่ท่วมสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว
ทั้งนี้ ในส่วนของสถานการณ์น้ำท่วม อ.ระแงะ มีชาวบ้านอพยพไปอาศัยอยู่ที่ศูนย์อพยพชั่วคราว 76 ครัวเรือน รวม 263 คน มีทั้งเด็ก ผู้หญิง และผู้สูงอายุ เบื้องต้นพบว่าชาวบ้านขาดแคลนเสื้อผ้า รวมทั้งผ้าออมเด็กเล็ก ผ้าอนามัย และแพมเพิร์สนอกจากนี้น้ำท่วมครั้งนี้ยังส่งผลให้ชาวบ้านที่บ้านสะแนะ หมู่ 1 ต.เรียง อ.รือเสาะ สูญหายไป 4 คน คือนางคอตีเยาะ อายุ 89 ปี นางอาอีเสาะ อายุ 63 ปี ด.ช.นาซูฮาร์ อายุ 8 ปี และ ด.ช.มูฮัมหมัด นาบาส อายุ 2 ปี หลังจากเรือที่เจ้าหน้าที่เข้าช่วยอพยพ เกิดอับปาง จนถูกกระแสน้ำพัดร่างไป อย่างไรก็ดี ขณะนี้เจ้าหน้าที่พบร่างผู้สูญหายแล้ว 2 ราย ซึ่งเป็นผู้ใหญ่ โดยในส่วนของเด็กอีก 2 ราย ยังคงสูญหาย ซึ่งเจ้าหน้าที่ยังคงเร่งคืนหาต่อไป
ด้าน ดร.สุทธิภรณ์ ขนอม ผอ.สพป.นราธิวาสเขต2 กล่าวถึงสถานาการณ์น้ำท่วมจนส่งผลให้โรงเรียนในพื้นที่ต้องปิดเรียนชั่วคราว 45 แห่ง ว่าให้สิทธิผู้บริหารโรงเรียนในการพิจารณาสั่งปิดการเรียนชั่วคราวจากอุทกภัย เพื่อความปลอดภัยของนักเรียน และบุคลากรทางการศึกษา และเตรียมลงพื้นที่มอบถุงยังชีพให้กับโรงเรียนที่ประสบภัย พร้อมกับเน้นย้ำให้ตรวจสอบสภาพอาคาร ระบบไฟฟ้า เพื่อป้องกันปัญหาไฟฟ้าลัดวงจร และฝากผู้ปกครองช่วยดูแลนักเรียนที่เป็นบุตรหลานอย่างใกล้ชิด
ที่ จ.ยะลา วันเดียวกันผู้สื่อข่าวรายงานถึงสถานการณ์น้ำท่วม ว่ายังคงน่าเป็นห่วง โดยชาวบ้านในพื้นที่ ต.อาซ่อง ที่มีบ้านเรือนใกล้แม่น้ำสายบุรี ไม่มีไฟฟ้าใช้ ต้องจุดเทียนให้แสงสว่าง ส่วนมวลน้ำยังไหลเชี่ยว และท่วมสูงจนชาวบ้านต้องอาศัยที่ชั้น 2 ของบ้าน ส่วน ต.บาลอ ถูกน้ำท่วม100% ชั้น2 ของบ้าน ก็อาศัยอยู่ไม่ได้ เจ้าหน้าที่ต้องใช้เรือยนต์เข้าไปรับผู้สูงอายุ ผู้ป่วยติดเตียงและเด็ก แต่การช่วยเหลือเป็นไปอย่างยากลำบาก เนื่องจากกระแสน้ำแรง มีประชาชนบางส่วนติดอยู่บนหลังคา เริ่มเดือดร้อนจากการขาดแคลนน้ำดื่มและอาหาร ซึ่ง รอง ผวจ.ยะลา ได้ประชุมหารือแผนช่วยเหลือผู้ประสบภัยอย่างเร่งด่วน โดยมีการตั้งศูนย์พักพิงชั่วคราวที่วิทยาลัยการอาชีพรามัน
ขณะเดียวกัน ที่ จ.สตูล แม้ว่าสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ต้นน้ำจะลดระดับลงแล้ว แต่ปลายน้ำที่ อ.เมือง ก่อนออกสู่ทะเล ยังคงปักธงสีแดงเพื่อเตือนภัย เนื่องจากอาจจะมีฝนตกซึ่งจะทำให้มีน้ำเติมเข้ามาจนส่งผลให้เกิดน้ำท่วม โดยชาวบ้านในพื้นที่ต่างระบุว่า น้ำมาเร็วและแรงมากจนเก็บข้าวของไม่ทัน ได้รับความเสียหาย โดยเฉพาะเครื่องใช้ไฟฟ้าจมไปกับกระแสน้ำ ขณะนี้ต้องนำกระสอบทรายมากั้นเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนแม้จะกั้นได้เพียงเล็กน้อยก็ตาม
ส่วนที่ จ.ปัตตานี จากสถานการณ์ฝนตกต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 22-26 ธันวาคม 2566 ทำให้มีปริมาณฝนสะสมส่งผลให้น้ำในแม่น้ำปัตตานี และแม่น้ำสายบุรี เพิ่มระดับขึ้นอย่างรวดเร็ว จนเกิดน้ำล้นตลิ่ง น้ำหลากและน้ำท่วมขังในพื้นที่ 4 อำเภอ 8 ตำบล 12 หมู่บ้าน 1,108 ครัวเรือน ชาวบ้านได้รับผลกระทบ 3,775 คน
ขณะที่ อ.กะพ้อซึ่งเป็นพื้นที่รับน้ำจาก จ.นราธิวาส ได้รับผลกระทบหลายหมู่บ้าน โดยถูกน้ำท่วมขัง บางจุดชาวบ้านต้องใช้เรือในการสัญจร นับเป็นเหตุน้ำท่วมหนักในรอบ 30 ปี ด้าน อ.ยะรัง และ อ.มายอ ที่รับน้ำจาก จ.ยะลา และ จ.นราธิวาส หลายหมู่บ้านที่ติดริมแม่น้ำและเป็นพื้นที่ต่ำ ต่างประสบปัญหาน้ำท่วม โดยในส่วนของความช่วยเหลือ ทางอำเภอและองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น พร้อมด้วยหน่วยทหาร ตำรวจ และส่วนราชการที่เกี่ยวข้องในพื้นที่ ได้เร่งเข้าช่วยเหลือผู้ประสบภัยแล้ว
|
